วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สกุลเงินของประเทศเวียดนาม

สกุลเงินของประเทศเวียดนาม

Dong เวียดนาม (VND) เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการในเวียดนาม.

เงินตราประเทศเวียดนาม สกุลเงินของเวียดนาม
ด่อง (อังกฤษ:Dong,เวียดนาม đồng) คือหน่วยเงินของเวียดนามที่ใช้ในประเทศเวียดนาม อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 400-500 ด่องต่อบาท หรือ ประมาณ 16,000 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐ มีวิธีการคิดเงินเวียดนามแปลงเป็นไทยง่ายๆเช่น 5000 ดอง = 5x2 = 10 บาท เอาหลักที่มากกว่า 1000 มาคูณด้วยสองครับ
รูปแบบที่ใช้ มีทั้งเหรียญและ ธนบัตร ของเวียดนามโดยมีราคาดังนี้
เหรียญ มีราคา
200 ด่อง 500 ด่อง 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง และ 5,000 ด่อง แต่เหรียญไม่ค่อยได้ใช้กันแล้ว เอามาก็ไม่มีคนใช้ จ่ายก็ไม่มีคนรับนัก
ธนบัตร มีราคา
1,000 ด่อง 2,000 ด่อง 5,000 ด่อง 10,000 ด่อง 20,000 ด่อง 50,000 ด่อง 100,000 ด่อง 200,000 ด่อง และ 500,000 ด่อง แบ้งเวียดนามใหญ่สุดคือ 500,000 ดอง หรือ 1,000 บาท ถือเป็นแบ๊งค์ใหญ่ครับ เอาไปจ่ายในตลาดแม่ค้ามองหน้า ดังนั้นควรมีตังย่อยติดตัวด้วย พวกแบ๊งค์เล็กๆ 100,000 กำลังดี
              แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต้องใช้เงินด่อง แต่ สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป โรงแรมเวียดนาม ร้านอาหารเวียดนาม ร้านขายของที่ระลึก ก็ยังคงรับเงิน ยูเอส เราสามารถแลกเปลี่ยนเงินได้ที่ สนามบินเวียดนาม หรือ ธนาคาร โรงแรม และ ร้านที่ได้รับอนุญาตให้แลกเงิน ร้านเหล่านี้จะเขียนอักษรสีทอง ว่า "
Hieu Vang" หรือ "Hieu Kim Hoan"




แบ๊งค์เวียดนาม 500,000 ดอง มีค่าประมาณ 1,000 บาท
                                                         

แบ๊งค์เวียดนาม 200,000 ดอง มีค่าประมาณ 400 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 100,000 ดอง มีค่าประมาณ 200 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 50,000 ดอง มีค่าประมาณ 100 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 20,000 ดอง มีค่าประมาณ 40 บาท



แบ๊งค์เวียดนาม 20,000 ดอง มีค่าประมาณ 40 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 10,000 ดอง มีค่าประมาณ 20 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 10,000 ดอง มีค่าประมาณ 20 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 5,000 ดอง มีค่าประมาณ 10 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 2,000 ดอง มีค่าประมาณ 4 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 1,000 มีค่าประมาณ 2 บาท


แบ๊งค์เวียดนาม 500 ดอง มีค่าประมาณ 1 บาท


แบ๊งคืเวียดนาม 100 ดอง มีค่าประมาณ 13 สตางค์


นี้ก็คือสกุลเงินของประเทศเวียดนามค่ะ


ขอขอบคุณเว็บไซด์
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0

ระบอบการปกครองของประเทศเวียดนาม


ระบอบการปกครอง : ระบอบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคการเมืองเดียว
  • ประธานาธิบดี คือ นายเจือง เติ๋น ซาง (Troung Tan Sang)  
  • หัวหน้ารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี คือ นายเหงียน ถัน ดุง (Nguyen Tan Dung)
  • เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คือ นายหน่ง ดึ๊ก หมั่น (Nong Duc Manh)





นายเจือง เติ๋น ซาง


การเมืองของเวียดนาม
 
         
             
 การเมือง ของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
 เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม
(
collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่ กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก
นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหาร
ประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่
11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้เลือกตั้งอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรีสภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม) การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และเลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั่งใหม่ 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ 


ขอขอบคุณเว็บไซด์
http://www.wonderfulpackage.com/guru-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%.html  




วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเวียดนาม

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศเวียดนาม เวียดนามเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยว
ที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาด เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ วันนี้พวกเราก็ได้นำมาฝากให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน ค่ะ




อ่าวฮาลองเบย์

          1.อ่าวฮาลองเบย์  ( Ha Long Bay ) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางธรรมชาติแห่งหนึ่งที่มีบรรยากาศที่สวยงามที่สุดและยังมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์มีทรัพย์กร พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์มากมาย จนยูเนสโก ยกย่องให้เป็นมรดกโลก อ่าวนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม และอยู่ไม่ห่างจากเขตแดนของประเทศจีนมากนัก จุดเด่นของ อ่าวฮาลองเบย์ คือ มีเกาะหินปูนโผล่ขึ้นกระจายทั่วรอบๆอ่าว และยังครอบคลุมพื้นที่ถึง 1500 ตารางกิดลเมตร 



สุสานโฮจิมินห์

         2.สุสานโฮจิมินห์ ( Ho Chi Minh's Mausoleum )  เป็นสุสานบรรจุศพตั้งอยู่ที่ "จัตุรัสบาริงห์" เมืองฮานอย เปิดทำการวันจันทร์-วันพฤหัสบดี และวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 80.00-11.00 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสุสาน ต้องสวมเครื่องแต่งกายที่สุภาพ เรียบร้อย(ห้ามสวมเสือแขนกุด โปรงสั้นเหนือเข่า และกางเกงขาสั้น) ภายในอนุสาวรีย์มีโลงแก้วบรรจุร่างของ โฮจิมินห์  หรืออดึตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารญรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แต่คนเวียดนามมักเรียกกันว่า ลุงโฮ ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นยึดโมเดลมาจาก อนุสาวรีย์บรรจุศพของ วลาดีมีร์ เลนิน ในประเทศรัสเซีย โยทุกๆปีร่างของ " ลุงโฮ " จะถูกส่งไปตรวจสอบความสมบูรณ์ที่ ประเทศรัสเซีย






พระราชวังเว้


         3.พระราชวังเว้ (Complex of Hue Monuments ) พระราชวังเว้ หรือเมืองหลวงแห่งเมืองเว้ ของราชวงศ์เหงียน (Nguyen Dynasty) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ในรัชกาลแห่งพระเจ้ายาลอง (Gia Long) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน สถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของของเมืองมาหลายยุคสมัยแม้ในปัจจุบันพระราชวังได้กลายสภาพจากศูนย์กลางราชอาณาจักรไปเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในฐานะ1ใน 3 ของมรดกโลกในเวียดนาม พระราชวังเว้มีกำแพงโดยรอบที่วัดความยาวได้ราวๆ 2.5 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนในอันเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลือให้เห็น ภายในประกอบไปด้วย พระราชวัง สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ เจดีย์ วัดวาอาราม ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เมื่อเราเดินผ่านประตูเที่ยงวัน (Cua Ngo Mon) ก็จะพบสะพานน้ำทองที่ทอดตรงเข้าไปสู่พระราชวังไท ฮวา หรือที่เรียกว่า ท้องพระโรง ใช้ต้อนรับพระราชวงศ์ชั้นสูงและทูต ที่นี่มีเสาไม้สีแดงต้นใหญ่มากมาย ทั้งหมดเขียนลายมังกรสีเหลืองด้วยเทคนิคงานเครื่องรักเขียนสีแบบเวียดนาม เมื่อทะลุผ่านไปจะพบลานกว้าง มีอาคารชั้นเดียวหลังคามุงกระเบื้องแบบจีนอยู่ทางขวาคือส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของราชสำนักเวียดนาม ซึ่งนอกจากพระราชวังที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้กันจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก





พิพิธภัณฑ์สงคราม


         4.พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 โดยใช้ชื่่อว่า Museum of American War Crimes  ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 07.30-12.00 น. และ 13.00-17.00 น.  เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงความเจ็บปวด ความเศร้าโศก เมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ภายในมีการจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธ รถถัง เครื่องบินจู่โจม ฯลฯ ซึ่งอาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธที่ทหารอเมริกันใช้โจมตีเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ คือ กรงเสือ ที่นำมาใช้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองถึง 14 คน รวมถึงเครื่องประหารชีวิตนักโทษการเมืองก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดลึก ๆ ในหัวใจของชาวเวียดนามได้เป็นอย่างดี


                               

                                                          ภูเขาทรายสีที่หมุยแหน

         5.ภูเขาทรายสองสีที่หมุยแหน (The Sand Dunes of Mui Ne)นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับชายทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือ ภูเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่เป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของช่างภาพ เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิต คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ภูเขาทรายเปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก



อุโมงค์กู๋จี

         6.อุโมงค์กู๋จี (Cu Chi Tunnels) อุโมงค์ถู่จี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี อุโมงค์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด ที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นให้มีหลายชั้นและแต่ละชั้นจะมีระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความอยู่รอดของทหาร ภายในอุโมงค์ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล ห้องประชุม และห้องพัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้รับชมหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม




             เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเวียดนาม เด็ดๆสวยๆกันเลยใช่ไหมคะ มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นธรรมชาติและประวัติศาสตร์อีกด้วย ถ้าพี่ๆเพื่อนๆคนไหนมีโอกาศได้ไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนามก็ลองไปดูสถานที่ที่พวกเราแนะนำกันนะคะ 



         
           
ขอขอบคุณเว็บไซด์




วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชุดประจำชาติและการแต่งกายของประเทศเวียดนาม

ชุดประจำชาติประเทศเวียดนาม และการแต่งกาย

              สวัสดี ค่ะ ทักทายกันเช่นเคยน่ะค่ะ วันนี้เราจะมานำเสนอชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามกันค่ะ o_o"



             

                                           

                                     อ่าวหญ่าย : ชุดประจำชาติของประเทศเวียดนาม


          อ่าวหญ่าย (Ao dai) เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัวสวมทับกางเกงขายาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวมใส่ในงานแต่งงานและพิธีการสำคัญของประเทศ มีลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิงเวียดนามส่วนผู้ชายเวียดนามจะสวมใส่ชุดอ่าวหญ่ายในพิธีแต่งงาน หรือพิธีศพ 


การแต่งกาย

               "ผู้หญิง" นุ่งกางเกงแพรยาว สวมเสื้อแขนยาว คอตั้งสูง ตัวเสื้อยาวลงมาจรดข้อเท้า ผ่า 2 ข้าง สูงแค่เอว พวกทำงานหนักจะสวมเสื้อสั้น มีกระเป๋า 2 ใบ แขนจีบยาวบางแห่งทางเหนือสวมกระโปรงยาวถึงข้อเท้า "ผม" ยาวเกล้ามวย สวมงอบสานด้วยใบลานทรงรูปฝาชี หรือใช้ผ้าสามเหลี่ยมคลุมศีรษะ ดึงชาย 2 ข้างมาผูกใต้คาง ถ้าเป็นทางเหนือแถวฮานอย ใช้ผ้าดำแถบยาวหุ้มผมซึ่งถักเปียไว้ให้มิดแล้วโอบพันศีรษะ ปัจจุบันนิยมตัดผมสั้น และดัดผมมากขึ้น สวมรองเท้าเกียะส้นสูง พ่นสีต่างๆรองเท้าสตรีส้นรองด้วยพื้นยางคาดหลังด้วยหนังหรือพลาสติกสีต่างๆ
             
               "ชาย" แต่งกายคล้ายหญิง บางครั้งสวมเสื้อกุยเฮง สวมหมวกสีดำเย็บด้วยผ้า ไม่มีปีก ปัจจุบันแต่งสากลกันมากแล้ว 
  



และนี้ก็เป็นข้อมูลคราวๆของการแต่งกายชุดประจำชาติประเทศเวียดนาม ค่ะ


ขอขอบคุณเว็บไซด์








อาหารประจำชาติประเทศเวียดนาม

" ซินจ่าว " วันนี้ขอทักทายเป็นภาษาเวียดนามกันบ้าง น่ะค่ะ สำหรับวันนี้พวกเราขอนำเสนอ อาหารประจำชาติประเทศเวียดนาม ซึ่งก็ได้แก่ แหนม หรือเปาะเปี๊ยะเวียดนาม นั่นเองค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่า ค่ะ





                                                เปาะเปี๊ยะเวียดนาม


          เปาะเปี๊ยะเวียดนาม (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนามความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนามอยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย
ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย





ขนมเบื้องญวน


เฝอ
เฝอ เแ็นก๋วยเตี๋ยวของชาวเวียดนามที่พัฒนามาจากก๋วยเตี๋ยวจีน เฝอมีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวเตี๋ยวของไทยแต่แตกต่างกันที่เส้นค่ะ และเครื่องเคียง และบางครั้งก็เรียกเป็น ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม หรือ ก๋วยจั๊บเวียดนาม


             น่าตาน่ากินมากเลยใช่ไหมล่ะค่ะ  นี้ก็เป็นข้อมูลคราวๆของอาหารประจำชาติประเทศเวียดนาม ค่ะ

ขอขอบคุณเว็บไซด์







  




วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เพลงประจำชาติเวียดนาม

             จากที่เราฟังเพลงชาติไทยมาแล้ว ที่นี้เราลองมาฟังเพลงประจำชาติของประเทศเวียดนาม
กันบ้างค่ะ ^__^

               มาร์ชเวียดนาม: เตี๋ยน เกวิน กา เป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประพันธ์โดย เหงวียน วัน กาว นำมาใช้เป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลังจากการรวมประเทศในปี พ.ศ. 2519 โดยมีสองท่อน แต่ส่วนใหญ่จะร้องเฉพาะบทแรก



                                         


                                                             เพลงประจำชาติเวียดนาม


ชื่อเพลง  : เตี๋ยน เกวิน กา (Tien Quan Ca) แปลว่า “มาร์ชทหารเวียดนาม”
เนื้อเพลงชาติเวียดนาม
 
Doan quan Viet Nam di Chung long cuu quoc Buoc chan don vang tren duong gap ghenh
xa 
Co in mau chien thang mang hon nuoc,Sung ngoai xa chen khuc quan hanh ca. Duong vinh quang xay xac quan thu, (1) hang gian lao cung nhau lap chien khu.Vi nhan dan chien dau Khong ngung,Tien mau ra sa truong,Tien len, cung tien len.Nuoc non Viet Nam ta vung ben.Doan quan Viet Nam di Sao vang phap phoi Dat going noi que huong qua noi lam than Cung chung suc phan dau xay doi moi,Dung deu len gong xich ta dap tan .Tu bao lau ta nuot cam hon,Quyet hy sinh doi ta tuoi tham hon. i nhan dan chien dau khong ngung,Tien mau ra sa truong,Tien len, cung tien len.Nuoc non Viet Nam ta
vung ben.


คำแปลเพลงชาติเวียดนาม

ทหารเวียดนามทั้งหลายรุกไข้างหน้า ด้วยใจเด็ดเดี่ยวในการพิทักษ์มาตุภูมิ
เสียงฝีเท้าที่เร่งเร้าของเราดังก้องทั่ว ท้องถนนอันยาวไกลและทุรกันดาร จิตวิญญาณของชาตินั้นสถิตใน
ธงแดงอาบเลือดแห่งชัยชนะ เสียงปืนกระหน่ำอันยาวนาน สอดประสานไปกับเสียงเพลงเดินทัพ
หนทางสู่ความรุ่งเรืองของเราทอดทับ บนซากศพของเหล่าศัตรู มาฝ่าฟันความทุกข์ยากนานัปการ
แล้วร่วมสร้างที่มั่นต้านข้าศึกกัน จงสู้เพื่อจุดมุ่งหมายของผองชน อย่างไม่ลดละ เร่งเข้าสู่สมรภูมิกันเถอะ รุกไปข้างหน้า ทุกคนรุกไปข้างหน้า เวียดนามของเรานั้นอยู่ยืนยง ชั่วกัปกัลป์ ทหารเวียดนามทั้งหลายรุกไปข้างหน้า ธงดาวทองโบกสะบัดพลิ้ว นำปวงชนพ้นจากความ ทุกข์ยากลำเค็ญ เรามาร่วมมุมานะต่อสู้ เพื่อสร้างชีวิตใหม่ จงลุกขึ้นสู้และทำลาย โซ่ตรวนทิ้ง พราะเราต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อ
ความเคียดแค้นชิงชังมานานพอแล้ว จงเตรียมพร้อมต่อการเสียสละทุกสิ่ง
เพื่อชีวิตอันรุ่งโรจน์ในภายหน้า จงสู้เพื่อจุดมุ่งหมายของผองชน อย่างไม่ลดละ เร่งเข้าสู่สมรภูมิกันเถอะ
รุกไปข้างหน้า ทุกคนรุกไปข้างหน้า เวียดนามของเรานั้น อยู่ยืนยงชั่วกัปกัลป์

ไพเราะใช่ไหมล่ะค่ะ เพลงนี้ก็เป็นเพลงชาติที่คนทั้งประเทศเวียดนามนับถือและศรัทธาต่อชาติเกิดของตน เหมือนกับที่คนไทยก็ต่างรักชาติ รักศักดิ์ศรี ยกย่องนับถือชาติของตนไม่ให้โครมาลบลู่  และนี้ก็เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆสำหรับเพลงชาติของประเทศเวียดนามที่พวกเรามานำเสนอให้ได้ศึกษากัน และขอขอบคุณสำหรับการติดตาม นะค่ะ 

ขอขอบคุณเว็บไซด์

ดอกไม้ประจำชาติ

  ดอกไม้ประจำชาติประเทศเวียดนาม

               ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง
บัว เป็นดอกไม้ประจำชาติของ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
  


ดอกบัว



ชื่อพื้นเมือง        -
ลักษณะทั่วไป   บัว เป็นพรรณไม้น้ำประเภทพืชล้มลุก มีลำต้นและหัวอยู่ในดินใต้น้ำ
ใบ                     การเจริญชูก้านใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่
                         ผิวใบเรียบ มีสีเขียวหรือน้ำตาลอ่อน
ดอก                  ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายขั้น ลักษณะดอกคล้ายรูปกรวย เวลาบานคล้ายกับร่ม
                         ดอกมีสีขาว ชมพู เหลือง
ผล                    ผลคือส่วนที่อยู่ตรงกลางดอก ซึ่งมีเมล็ดประกอบอยู่ภายในจำนวนมาก
                         ลักษณะขนาดสีสัน ของใบและดอกขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์
ด้านภูมิทัศน์     พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำของประเทศเวียดนาม


ขอขอบคุณเว็บไซด์